top of page

MAX KLEIN BIBLE MINISTRIES

ฮีบรู 10:25

การเข้าประชุมเพื่อรับการหนุนใจจากพระคำ

 

ฮีบรู 10:25 “อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น  แต่จงได้รับการหนุนใจ [จากพระคำของพระเจ้า]   มากยิ่งขึ้น ในเวลาที่ท่านกำลังเห็นวันนั้น [วันที่คริสตจักรจะถูกรับขึ้นไป] ใกล้เข้ามาแล้ว

 

ปัจจุบันนี้     คริสเตียนมักจะเข้าโบสถ์   เพื่อที่จะนมัสการพระเจ้า ผ่านการอธิษฐาน  การร้องเพลงถวายแด่พระเจ้า  การตั้งใจที่จะเรียนพระคำของพระองค์  และการเข้าร่วมพิธีมหาสนิท  ช่วงเวลา 200 ปีแรกแห่งยุคคริสตจักรนั้น  ไม่มีโบสถ์  ผู้เชื่อมักจะประชุมกันในบ้านเรือนเพื่อที่จะนมัสการพระเจ้า  อย่างไรก็ตาม  ไม่ว่าศิษยาภิบาลจะสอนในโบสถ์  ศาลา ที่บ้าน  หรือ อาคารแบบใดก็ตาม  ประเด็นสำคัญคือคุณสมบัติในการสอนพระคัมภีร์ของเขา การประชุมของสมาชิกในคริสตจักร ไม่ว่าจะประชุมที่ไหนก็ตามจำเป็นต้องมีผู้สอนซึ่งมีคุณสมบัติในการสอน

 

จากการสอนอย่างถูกต้องของศิษยาภิบาล  ผู้ฟังจะยอมรับในสิทธิอำนาจของเขา  ผู้ใดที่ได้ยอมรับในสิทธิอำนาจของศิษยาภิบาล  และได้ฟังการสอนของเขาอย่างสม่ำเสมอสามารถเติบโตฝ่ายวิญญาณได้

สมาชิกของคริสตจักรสามารถรับการสอนจากศิษยาภิบาลได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อหน้าเขา  ไม่ว่าคุณจะนั่งห่างจากเขา 15 ฟุต  หรือ 15,000 ไมล์  สิ่งสำคัญคือ  คุณยอมรับที่จะอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของเขา  และคุณฟังหรืออ่านคำสอนของเขาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่  ศิษยาภิบาลสามารถถ่ายทอดการสอนของเขาได้หลายวิธี  นอกจากการสอนต่อหน้าสมาชิกแล้ว ยังมี หนังสือ เทป  วิดีโอ ซีดี   อี-เมลล์  หรือตาม โทรทัศน์ หรือ วิทยุ  ก็ได้  อาจารย์เปาโลเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้สอนที่สอนสมาชิกในคริสตจักรผ่านทางการเขียน

ผู้เชื่อไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของคริสตจักรใกล้บ้านเขา  หลายพื้นที่ไม่มีศิษยาภิบาล / ผู้สอนพระคัมภีร์ซึ่งสามารถสอนเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างถูกต้อง ถ้าผู้เชื่อต้องเข้าคริสตจักรที่มีศิษยาภิบาลซึ่งไม่เตรียมพร้อม  เขาจะไม่มีโอกาสที่จะเติบโตฝ่ายวิญญาณ  สมมุติว่าคุณกำลังเข้าคริสตจักรที่เชียงใหม่  ซึ่งมีศิษยาภิบาลที่อธิบายถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างถูกต้อง  เกิดวันหนึ่งคุณป่วยมากและต้องเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพเป็นเวลาหนึ่งปี  คุณสามารถเลือกที่จะเข้ากลุ่มเซลล์ประจำสัปดาห์ซึ่งศิษยาภิบาลจากคริสตจักรในละแวกนั้นได้จัดขึ้นในโรงพยาบาล  หรือไม่ก็สั่งเทปบันทึกการเทศนาของศิษยาภิบาลของคุณที่เชียงใหม่  ถ้าหากว่าศิษยาภิบาลที่เขามาสอนกลุ่มเซลล์ในโรงพยาบาลไม่มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตฝ่ายวิญญาณซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่ผู้เชื่อ   การเข้าร่วมกับกลุ่มนั้นอาจทำลายการเติบโตฝ่ายวิญญาณของคุณได้  คุณควรจะเลือกที่จะไม่เข้ากับกลุ่มนั้น  แล้วฟังเทปของศิษยาภิบาลของคุณแทน  

หรือคุณควรจะทำอย่างไร     หากคุณต้องไปทำงานในประเทศอื่น ซึ่งไม่มีศิษยาภิบาลที่นั่น  แน่นอนว่าคุณจะต้องรับการสอนจากศิษยาภิบาลที่ประเทศอื่น  ซึ่งอาจมาถึงคุณโดยวิธีการเขียน  เทปบันทึกการสอน  และวิธีอื่นๆ  ในกรณีที่คุณมีครอบครัวอยู่ด้วย  บิดาจะต้องรับผิดชอบการจัดเวลาที่ครอบครัวจะเข้าร่วมกันเพื่อฟังคำสอนนั้น  อธิษฐานกัน  ร้องเพลงนมัสการ  และเขาจะเป็นผู้ประกอบพิธีมหาสนิทด้วย

การเข้าร่วมประชุมกับผู้เชื่อคนอื่นในคริสตจักร  จำเป็นต้องเน้นความเข้าใจ  ใคร่ครวญ  และการประยุกต์หลักคำสอนพระคัมภีร์  แต่การสร้างมิตรและความสามัคคีกับสมาชิกผู้อื่นเป็นเรื่องส่วนตัว  ซึ่งคุณสามารถเลือกได้  หลายคนมักจะเข้าใจผิดในเรื่องนี้เพราะพระคัมภีร์ฉบับแปลเกือบทุกฉบับ  ไม่ว่าเป็นภาษาไทย อังกฤษ หรือภาษาอื่นก็ตาม มีคำเสริมแทรกเข้ามาในข้อ ฮีบรู 10:25  ซึ่งต้นฉบับไม่มี  ในภาษากรีกไม่มีคำเขียนว่า “จงรับการหนุนใจซึ่งกันและกัน”  หรือยิ่งผิดไปกว่านั้น  การแปลว่า “จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น”  ผู้เขียนหนังสือฮีบรูไม่ได้เขียนอย่างนั้น  คำว่า  พาราขะเลโอ  เป็น  telic participle   และควรแปลว่า “เพื่อได้รับการหนุนใจ”  Telic participle นี้  จะเน้นจุดประสงค์ของคำกริยาเอกของประโยคหรือวลีนั้น  ซึ่งในประโยคนี้หมายถึงการเข้าประชุม  ทำไมเราถึงต้องเข้าประชุม?  เพื่อที่จะรับการหนุนใจจากการได้ยินพระคำของพระเจ้า

บางครั้งการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อผู้อื่นจะหนุนใจเราได้  ถ้าเขาเป็นผู้เชื่อที่โตแล้ว และพูดด้วยมุมมองชีวิตที่ตรงกับพระประสงค์ และน้ำพระทัยของพระเจ้า  การหนุนใจได้มาจากหลักคำสอนพระคัมภีร์  ไม่ใช่ชีวิตทางด้านสังคม  หรือความคิดเห็นส่วนตัวของคริสเตียนผู้อื่น

ส่วนมากการมีสังคมกับผู้เชื่อฝ่ายเนื้อหนังมักจะระงับการเติบโตฝ่ายวิญญาณด้วยเหตุดังนี้ว่า :

 

1. เมื่อคุณได้คลุกคลีกับผู้เชื่อซึ่งกำลังตกอยู่ในความบาป คือคริสเตียนที่โง่เขลาและสับสนเพราะไม่ยอมเรียนหรือปฏิบัติชีวิตฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เขา  คุณจะได้รับอิทธิพลจากชีวิตของเขา  จะเห็นคุณค่าในสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานนั้นลดน้อยลง  และจะเรียงลำดับความสำคัญในชีวิตผิดพลาดไป

 

2. ผู้เชื่อหลายคนได้หันเหจากการเรียนและการประยุกต์นำหลักคำสอนพระคัมภีร์ในชีวิตของเขา เพราะเขากำลังหาเพื่อน หรือคู่รักที่จะให้เขามีความสุข    คุณจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าก่อนที่คุณสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น  อย่างไรก็ตาม  คนที่คิดว่าการสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์นั้นสำคัญกว่าการสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า  เขาจะไม่มีวันที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าได้

 

3. ถ้าคุณเข้าสังคมกับผู้เชื่อที่ชอบถือว่าการกระทำดีเป็นสิ่งที่ทำให้คริสเตียนเป็นผู้เชื่อที่ดี  หรือผู้เชื่อที่คิดว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณขึ้นอยู่กับการกระทำ (legalistic believer) คุณจะต้องทำตามเขา  มิฉะนั้นคุณจะถูกการตัดสินจากเขา  ถ้าคุณเข้ากับผู้เชื่อที่อ้างว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณคือข้อห้าม  เช่น ห้ามดื่มสุรา  สูบบุหรี่  เต้นรำ  หรือดูหนัง  คุณก็จะต้องยอมรับกฎเกณฑ์ของเขา  หรือไม่ก็จะต้องขัดแย้งกับเขาเสมอ  ในทั้ง 2 กรณีนี้  คุณจะเสี่ยงต่อการกระทำบาปทางความคิดเสมอ

 

4. ในทางตรงกันข้าม  ถ้าคุณเข้าสังคมกับผู้เชื่อที่ดูถูก  (เอาเปรียบ)พระคุณพระเจ้าโดยไม่ยอมหันจากชีวิตเก่าเพราะได้รับความรอดแล้ว (antinomian believer) การกระทำของเขาจะมีอิทธิพลต่อการเติบโตของคุณ  ถ้าคุณคลุกคลีกับผู้ที่ชอบเมาเหล้า  ล่วงประเวณี  หรือ เกี่ยวข้องกับกิจกรรมซึ่งผิดกฎหมาย  สุดท้ายพวกนี้จะมีผลกระทบต่อชีวิตคุณ  

 

5. คริสเตียนบางคนจะใช้คริสเตียนคนอื่นเพื่อเป็นทางที่จะก้าวหน้าทางด้านอาชีพ    หรือธุรกิจส่วนตัวของเขา       คริสเตียนประเภทนี้จะเข้า คริสตจักรที่มีผู้เชื่อที่มีอิทธิพลซึ่งสามารถช่วยเขาในการตอบสนองความมักใหญ่ใฝ่สูงของเขา  แน่นอน  การเข้าสังคมกับผู้เชื่อประเภทนี้จะยับยั้งการเติบโตฝ่ายวิญญาณของคุณ

 

6. คริสเตียนหลายคนเลือกที่จะมีสัมพันธ์กับผู้เชื่อผู้อื่น แทนที่จะความสัมพันธ์กับพระเจ้า คริสเตียนสัมพันธ์ที่แท้จริงคือสัมพันธภาพกับพระเจ้า  ไม่ใช่ความสัมพันธ์กับผู้อื่น  ถ้าคุณเข้านมัสการกับเพื่อนคริสเตียนทั้ง 500 คน  แต่ไม่ได้รักพระเจ้า  คุณเป็นศูนย์  และการกระทำของคุณจะไม่เกิดผล  (1 โครินธ์ 13:1-3)

 

โดยทั่วไปแล้ว  เมื่อเราได้นั่งลงเพื่อที่จะฟังพระคำของพระเจ้า  เราได้นั่งกับคริสเตียนผู้อื่น  อย่างไรก็ตาม  การที่มีผู้อื่นนั่งรอบข้างคุณในเวลาที่คุณได้ฟังพระวจนะ  ไม่ได้อำนวยให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของคุณเติบโต  ไม่ว่าคุณจะนั่งกับครอบครัวที่บ้านเพื่อที่จะฟังศิษยาภิบาลของคุณทางโทรทัศท์  วิทยุ  หรือ เทปบันทึก  หรือจะเข้าโบสถ์กับผู้เชื่ออีก 500 คน  สิ่งที่จะทำให้คุณเติบโตคือพระคำของพระเจ้า  มนุษย์ไม่ได้ช่วยให้คุณเติบโต  พระคำของพระเจ้าต่างหากที่จะทำให้คุณเติบโตฝ่ายวิญญาณได้

คริสเตียนบางคนคิดว่าการที่จะเดินเข้าไปในโบสถ์เป็นสิ่งที่พอพระทัยพระเจ้า  และเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาเติบโตฝ่ายวิญญาณทันที ถ้าคุณเป็นสมาชิกของคริสตจักรที่มีศิษยาภิบาลที่โง่เขลาต่อหลักคำสอนพระคัมภีร์  คุณจะไม่มีวันเติบโตในชีวิตคริสเตียนของคุณ  ยิ่งร้ายกว่านั้น  ศิษยาภิบาลที่โง่เขลาต่อหลักคำสอนพระคัมภีร์แน่นอนว่าจะต้องสอนเท็จอยู่แล้ว  ดังนั้น  ถ้าคุณได้ฟังคำสอนของเขา  คุณจะต้องถอยหลังในชีวิตคริสเตียนของคุณ  ขอยกเรื่องเปรียบเทียบเพื่อคุณจะได้นึกภาพนี้ให้ชัดเจนขึ้น  ถ้ามีนักศึกษาเข้าเรียนคนะวิศวกรรม  โดยอาจารย์สอนเป็นคนที่ไม่รู้จักทฤษฎีและหลักการอย่างถูกต้องเกี่ยวกับวิชานี้  นักศึกษาคนนั้นจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง  ก่อนที่เขาได้เข้ามาศึกษาวิชานี้  เขาไม่รู้จักทฤษฎีและหลักการของวิศวกรรม  แต่ตอนนี้เขาได้ทฤษฎีและหลักการเท็จเข้ามาด้วย  ตอนนี้เขาแย่ยิ่งกว่าเดิมแล้วเพราะตอนนี้เขาไม่ใช่แค่คนโง่เขลา  แต่เขาจะยโสด้วย   เขาจะคิดว่าตนเองรู้จักทฤษฎีและหลักการทางวิศวกรรมแล้ว  และจะไม่ยอมฟังอาจารย์ที่สอนวิชานี้อย่างถูกต้อง  ภาพนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสเตียนที่เข้าคริสตจักรซึ่งมีศิษยาภิบาลที่ไม่รู้จักหลักคำสอนพระคัมภีร์  เขาจะคิดว่าเขากำลังเติบโตฝ่ายวิญญาณอยู่  แต่ตามจริงแล้วเขาได้ถอยหลังฝ่ายวิญญาณ  และกลายเป็นคนยโสด้วย

พระคัมภีร์ข้อนี้ไม่ได้บัญชาให้คริสเตียนต้องเข้าโบสถ์ที่ใกล้บ้านที่สุด ซึ่งมีศิษยาภิบาลที่คิดว่ารู้จักพระคำของพระเจ้า  ฮีบรูบทที่ 10:25 กำลังบัญชาผู้เชื่อทุกคนที่จะฟังและเรียนรู้พระคำของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอจากศิษยาภิบาลที่มีคุณสมบัติ  ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายวิญญาณ  “แต่ขอท่านทั้งหลายจงเติบโตขึ้นในพระคุณและความรู้  ซึ่งมาจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา” (2 เปโตร 3:18)  การเติบโตไม่ได้มาจากการเข้าสังคมคริสเตียน  การเติบโตไม่ได้มาจากการนั่งข้างๆ ผู้เชื่อผู้อื่นในห้องประชุมที่โบสถ์  “ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน  และการได้ยินผ่านทางพระคำของพระคริสต์ [δια ρηματος χριστου / dia rhematos christou    (ไม่ใช่ “และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์”)] (โรม 10:17) ชีวิตฝ่ายวิญญาณจะไม่ได้พัฒนาโดยการพบศิษยาภิบาลของคริสตจักรท้องถิ่น  แต่ได้มาจากการฟังคำสอนของเขา  ความเชื่อของคุณไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพราะการมีสังคมกับคริสเตียนผู้อื่น  แต่ได้มาจากการเรียนหลักคำสอนพระคัมภีร์จากศิษยาภิบาลที่เตรียมพร้อม

bottom of page