top of page

MAX KLEIN BIBLE MINISTRIES

มัทธิว 7:1-2

การตัดสินกับการพิพากษา

 

มัทธิว 7:1-2 “อย่าตัดสิน [κρίνω / คริโน] เขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ตัดสิน [κρίνω / คริโน] ท่าน”

 

เมื่อพูดถึงคน  คำว่า “คริโน” มีความหมายว่า  ตัดสิน  วิพากษ์วิจารณ์  นินทา หมิ่นประมาทและมุ่งร้าย  ไม่มีคริสเตียนคนใดมีสิทธิ์ที่จะตัดสินหรือวิจารณ์คริสเตียนคนอื่น   เว้นแต่ว่าเขาได้รับสิทธิอำนาจในการตักเตือนหรือลงโทษ  ตามหลักไวยากรณ์ข้อนี้เขียนด้วยมาลาบังคับ  (imperative of prohibition) ในรูปแบบไวยากรณ์ ซึ่งบอกเราว่าการกระทำนั้นเริ่มต้นในอดีตและยังต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน (progressive present) ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่าพระเยซูกำลังสั่งให้ผู้ฟังหยุดทำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่

สมมุติว่ามีผู้เชื่อคนหนึ่งกำลังทำบาป  ใครมีสิทธิ์ที่จะรับผิดชอบกับคนคนนี้?   แน่นอนอยู่แล้วว่ามีเพียงพระผู้เป็นเจ้าผู้เดียวที่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินและตีสอนเขา   และพระองค์ไม่ต้องการให้มีใครมาช่วยเตือนหรือตีสอนคนคนนั้น ในข้อที่ 2 เราได้เห็นว่า คริสเตียนที่ตัดสินผู้เชื่อคนอื่นจะต้องรับการตีสอนเพราะบาปทั้ง 3 อย่าง  คือ เขาจะถูกตีสอนเพราะการที่เขาได้ตัดสินผู้อื่น  เขาจะถูกตีสอนเพราะการที่เขาเย่อหยิ่ง  และเขาจะต้องถูกตีสอนเพราะบาปที่เขาได้เผยเรื่องส่วนตัวของผู้เชื่อให้คนอื่นได้รับรู้ เมื่อคริสเตียนได้ตัดสินผู้เชื่อคนอื่น  เขาไม่ได้เพียงแค่รับการตีสอนถึง 3 อย่างเท่านั้น แต่ในเวลานั้น เขาได้นำความทุกข์โศกมาถึงตนเอง เพราะโดยธรรมชาติแล้วบาปทุกบาปมีความโศกเศร้าอยู่ในตัวของมันเอง ดังนั้นเมื่อผู้เชื่อทำบาป เขาได้ทำให้ตนเองไร้ความสุขซึ่งไม่ใช่เป็นการตีสอนจากพระเจ้า แต่เป็นการที่ผู้เชื่อได้ลงโทษตนเอง

บางครั้งเราอาจได้ยินคริสเตียนบอกว่า “คนนั้นกำลังถูกพระเจ้าลงโทษเพราะบาปที่เขาได้ทำ” แท้จริงแล้วไม่มีผู้เชื่อคนใดจะถูกพระเจ้าลงโทษเพราะความบาป เพราะบาปทุกประการได้รับการลงโทษบนไม้กางเขนแล้ว “และพระองค์ทรงแบกบาปของเราบนพระกายของพระองค์” (1 เปโตร 2 :24) ความยุติธรรมของพระเจ้าจะไม่ลงโทษบาปที่ได้รับการพิพากษาลงโทษแล้ว ความชอบธรรมของพระเจ้าเรียกร้องให้บาปทุกประการของมนุษย์รับการลงโทษ พระองค์จึงได้ลงโทษความเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน เพราะบาปทุกประการของมนุษย์ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ ความชอบธรรมของพระเจ้าจึงพอพระทัย เพราะฉะนั้น พระเจ้าไม่ได้ลงโทษผู้คน ไม่มีคนใดที่ถูกการลงโทษจากพระเจ้าเพราะบาปของเขา อย่างไรก็ตาม ผู้เชื่อต้องได้รับการตีสอนจากพระองค์ เพื่อที่เขาจะกลับเข้าสู่สัมพันธภาพกับพระองค์และก้าวต่อไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ การตีสอนจากพระเจ้าล้วนมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เชื่อกลับเข้าอยู่ในทางของพระองค์ พระเจ้าทรงตีสอนผู้เชื่อจากความรักของพระองค์ เนื่องจากพระเจ้าทรงรักผู้เชื่อด้วยความรักที่ไม่สิ้นสุด พระองค์จึงจะทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อให้ผู้เชื่อประสบความสำเร็จในชีวิตฝ่ายวิญญาณของตน

 

“และท่านได้ลืมคำเตือนที่พระองค์ได้ทรงเตือน ในฐานะที่ท่านเป็นบุตรว่า `บุตรชายของเราเอ๋ย [ผู้เชื่อ] อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือท้อถอยในเมื่อพระองค์ทรงติเตียนท่านนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก [ผู้เชื่อ] และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตี [ตีสอนอย่างหนัก] ผู้นั้น' เพราะการตีสอนนั้น ท่านจึงมีความอดทน [แข็งแกร่งฝ่ายวิญญาณ] พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตรของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่า ที่บิดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนทเช่นเดียวกับคนอื่น [ผู้เชื่อทุกคนต้องรับการตีสอน] ท่านจึงเป็นลูกที่ไม่มีพ่อ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร [ท่านก็เป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระคริสต์]” (ฮีบรู 12:5-8)

 

มัทธิว 7:2  “เพราะว่าท่านทั้งหลายจะตัดสิน [วิพากษ์วิจารณ์  นินทา  หมิ่นประมาท และมุ่งร้าย]  เขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น [จะตีสอนเพราะการตัดสินนั้น] และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด   [นินทาผู้อื่นเรื่องบาปของเขา] พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น [ถูกตีสอนเพราะบาปที่เราได้นินทา]

 

ความบาปทางการพูดมีแรงจูงใจจากบาปทางด้านอารมณ์หรือความคิดไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง อย่างเช่น ความโกรธ ความเกลียดชัง การอิจฉา และการคิดว่าตนชอบธรรม ยังผลให้เกิดความบาปทางการพูด  คนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอาจมีความต้องการที่จะหมิ่นประมาท     คนที่อิจฉาอาจมีความต้องการที่จะใส่ร้ายคู่แข่งของตน    คนที่คิดว่าตนเองชอบธรรม อาจมีความต้องการที่จะนินทาและวิพากษ์วิจารณ์ผู้เชื่อคนอื่น ผู้เชื่อที่ทำบาปทางการพูดจะต้องรับการลงโทษถึง 4 อย่าง  ตัวอย่างเช่น สมมุติคริสเตียน ก. เคียดแค้น คริสเตียน ข. เขาจึงได้หมิ่นประมาทคริสเตียน ข. โดยนินทาว่าคริสเตียน ข. นอกใจภรรยา ดังนั้นคริสเตียน ก. จะต้องรับการตีสอนถึง 4  อย่างด้วยกัน  ได้แก่

  1. เขาต้องรับการตีสอนเพราะความเคียดแค้น

  2. เขาต้องรับการตีสอนเพราะการหมิ่นประมาทผู้อื่น

  3. เขาต้องรับการตีสอนเพราะการล่วงประเวณีซึ่งเป็นบาปที่เขาได้พูดถึง (ท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น)

  4. เขาลงโทษตัวเองโดยได้รับความโศกเศร้าที่เขานำมาให้กับตนเอง

 

สิ่งนี้ได้อธิบายว่าทำไมคริสเตียนที่ชอบนินทาต้องทนทุกข์อยู่เสมอ เกือบทุกคริสตจักรจะมีพวกสาวแก่ที่ชำนาญในการนินทา  คริสเตียนจำพวกนี้มักคิดว่าตนเองเป็นคริสเตียนที่ดีและสมบูรณ์แบบ จึงคิดว่าตนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินและนินทาผู้อื่น  ผู้เชื่อเหล่านี้ต้องแบกความเย่อหยิ่งแห่งการเห็นว่าตนเองชอบธรรม  ถ้าการเห็นว่าตนเองชอบธรรมนั้นมีน้ำหนัก  เขาก็คงเดินไม่ไหว  อย่างไรก็ตาม เขาชอบเห็นว่าตนเองเป็นผู้เชื่อที่ยิ่งใหญ่ และเขามักคิดว่าการทนทุกข์ของเขากำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ใช่เป็นการตีสอนจากพระเจ้า แท้ที่จริงแล้ว เขาอยู่ภายใต้การตีสอน 3 อย่างจากพระเจ้า บวกกับความทุกข์โศกที่ตนเป็นคนก่อ

เราต้องเข้าใจว่าพระเจ้าทรงยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบแก่ทุกๆคน  การตีสอนที่เกี่ยวกับผลภายหลังของการล่วงประเวณีเป็นการตีสอนที่หนักอยู่แล้ว   ถ้าคุณตัดสินใจที่จะช่วยพระเจ้าตีสอนบุคคลที่ล่วงประเวณีโดยการนินทาเขา    นั่นเท่ากับว่าคุณได้เพิ่มการตีสอนมากเกินกว่าที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้แล้ว ความยุติธรรมของพระองค์เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ยุติธรรม  ดังนั้น พระเจ้าจึงตีสอนคุณแทนซึ่งตอนแรกพระองค์ทรงกำหนดการตีสอนนั้นให้กับคนที่ล่วงประเวณี  เพราะผู้ที่ล่วงประเวณีนั้นจะต้องรับผลจากคำนินทาที่คุณได้เผยเรื่องส่วนตัวของเขา

ถ้ามีผู้เชื่อคนใดทำให้ผู้เชื่ออีกคนหนึ่งต้องทนทุกข์ พระเจ้าจะทำให้สถานการณ์นั้นสมดุล บางครั้งผู้ที่ชอบนินทาจะใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ ในกรณีนี้พระเจ้าจะทรงตีสอนคนที่นินทา แล้วอวยพรผู้เคราะห์ร้ายอย่างเป็นการพิเศษ นี่คือความยุติธรรมของพระเจ้า

bottom of page